ความหมายของงานสำรวจ

การสำรวจ (Surveying) 

          เป็นการหาความสัมพันธ์ของ (เป็นการกำหนด) ตำแหน่งหรือจุดบนผิวโลก เป็นการวัดระยะราบและระยะดิ่งระหว่างวัตถุ วัดมุมราบและมุมสูง วัดระยะและทิศทางของเส้นนั้นการสำรวจเป็นวิทยาการที่เก่าแก่และความจำเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่สมัยโบราณมนุษย์เกี่ยวข้องอยู่กับการเป็นเจ้าของที่ดินการกำหนดที่ดินการแบ่งแปลงที่ดินการสำรวจป็นงานที่สำคัญก่อนที่จะวางแผนเพื่อการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทางรถไฟ การก่อสร้างอาคาร สะพาน เขื่อน อ่างเก็บน้ำ และงานทางด้านวิศวกรรมโยธาทั่วไป

ความสำคัญของ การสำรวจ (survey)

การสำรวจ (Surveying) 

        เป็นศิลปวิทยาแขนงหนึ่งที่สอนให้รู้จักวิธีการวัด การจำลองลักษณะของภูมิประเทศ จากจุดต่างๆ ตามภูมิประเทศ เป็นการหาความสัมพันธ์ของตำแหน่งของจุดที่อยู่บนพื้นผิวโลก โดยมีความมุงหมายเพื่อทราบพื้นที่ (Area) ปริมาตร (Volume) รูปร่าง (Shape) ขอบเขต (Boundaries) ทิศทาง (Direction) ตำแหน่ง (Locotion) ความสูง (Elevation)

งานสำรวจ (survey)

    ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นพื้นฐานของงานก่อสร้างทุกชนิด และมีความสำคัญมากอย่างหนึ่ง ผู้ที่ปฏิบัติงานสำรวจจะต้องมีความรู้ความชำนาญในการปฏิบัติงาน รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของงานระหว่างปฏิบัติงาน เพื่อลดข้อผิดพลาดและปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง หากผู้ที่ปฏิบัติงานสำรวจ (survey) ปฏิบัติงานผิดพลาดแล้ว อาจจะเกิดความเสียหาย ทั้งเวลา งบประมาณในการแก้ไข เพราะฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติงานสำรวจ (survey) ควรปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบและตรวจสอบความถูกต้องของงานอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ปฏิบัติงานก็ต้องหมั่นตรวจเช็คและดูแลอย่างดีด้วยเช่นกัน

ประวัติ การสำรวจ (survey)

  จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ในปัจจุบัน ระบุว่าศาสตร์ของการสำรวจได้เริ่มขึ้นในประเทศอียิปต์ Herodotus กล่าวว่า Sesostris (ประมาณ 1,400 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ได้แบ่งที่ดินของประเทศอียิปต์ออกเป็นผืน ๆ เพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษี แต่บางส่วนของที่ดินที่อยู่ตามฝั่งแม่น้ำไนท์ถูกน้ำท่วมชะหายไปทุกปี จึงได้มีการมอบหมายหน้าที่ในการสำรวจซ่อมแซมหลักเขตที่ดินให้แก่นักสำรวจ ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า “ผู้ขึงเชือก” (rope stretcher) นักสำรวจสมัยนั้นใช้เชือกซึ่งทำเป็นปุ่มเอาไว้แล้วแบ่ง 12 ช่วง ออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ ให้ช่วงแรกยาว 3 ปุ่ม ช่วงที่สองยาว 4 ปุ่ม และช่วงที่สามยาว 5 ปุ่ม ดังนั้นเชือกนี้สามารถใช้ในการวัดระยะทางและออกฉากโดยใช้หลัก 3-4-5 นอกจากเชือกแล้วยังพบไม้ที่ใช้สำหรับวัดระยะทางด้วย ณ ที่ฝังศพ (tomb) ที่เมือง Thebes ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีผู้มาพบภาพเขียนบนฝาผนังแสดงถึงคนสองคนถือเชือกกำลังวัดระยะในทุ่งธัญญพืชอยู่                    

          ต่อมาชาวกรีกได้พัฒนาวิชา เรขาคณิต (geometry) ขึ้น ชื่อนี้มาจากศัพท์กรีก geo ซึ่งแปลว่าดิน กับคำว่า metry ซึ่งแปลว่าการวัด ศิลปในการรังวัดได้ถูกพัฒนาอย่างจริงจังโดยชาวโรมัน ซึ่งเป็นนักปฏิบัติหนังสือเกี่ยวกับการสำรวจที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในระยะ นั้น ได้แก่หนังสือที่แต่งโดย Frontinus แม้ว่าต้นฉบับได้สูยหายไปแต่ฉบับที่ได้คัดลอกมาก็ได้รับการดูแลรักษาเอาไว้ Frontinus มีชีวิตอยู่ในคริสต์สักราชที่ 1 เป็นผู้บุกเบิกในงานสำรวจยุคนี้และผลงานของเขาได้ถูกยึดถือเป็นมาตรฐานโดยชน รุ่นหลังเป็นเวลาหลายปี ความสามารถในด้านวิศวกรรมของชาวโรมันได้แสดงออกให้เห็นทางสิ่งก่อสร้างซึ่งได้ถูกก่อ สร้างขึ้นมากมายทั่วราชอาณาจักร การสำรวจในระยนี้มีความสำคัญมากถึงขนาดได้มีการรวมกลุ่มเป็นชมรมนักสำรวจ (surveyor’s guild) ขึ้น

          ในยุคกลาง (Middle Ages) ระหว่างคริสต์ศักราชที่ 1000 และ 1400 ซึ่งความเจริญได้ย้ายมาอยู่ในชุมชนชาวอาหรับ ศาสตร์ของการสำรวจได้มีการพัฒนาน้อยมาก

          ในศตวรรษที่ 13 Von Piso ได้เขียนหนังสือชื่อ “Practica Geometria” ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับการสำรวจอยู่ด้วย นอกจากนี้เขายังเขียนหนังสือ Liber Quardratorum ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า quadrans ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมกรอบทำด้วยทองเหลืองบนแท่งสี่เหลี่ยมจะมีมุม ฉากและมาตราส่วนอย่างอื่นหมายเอาไว้ เครืองมือสำรวจชนิดอื่น ๆ ที่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในสมัยนี้กีมี astrolabe ซึ่งเป็นแผ่นโลหะกลมมีเข็มชี้ติดอยู่ตรงกลางและมีห่วงสำหรับมือยึดถือยึดต่อ ไว้ทางด้านบนของเครื่องมือ (ตามประวัติเครื่องมือชนิดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาก่อนโดยชาวกรีกเมื่อคริสต์ ศักราชที่ 2 ซึ่งใช้สำหรับวัดหามุมของดวงดาวซึ่งทำกับแนวขอบฟ้า)

          ในศตวรรษที่ 18 และ 19 ศิลปการสำรวจได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก ความจำเป็นในการทำแผนที่และการกำหนดเส้นเขตแดนของประเทศทำให้ประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศสได้ทำการสำรวจในพื้นที่กว้างขวางและจำเป็นต้องมีการวางโครงข่าย สามเหลี่ยม (Triangulation) geodetic surveying จึงได้ถือกำเนิดมา การที่มูลค่าที่ดินได้สูงขึ้นและความจำเป็นในการกำหนดขอบเขตให้แน่นอน ประกอบกับสังคมโดยทั่ว ๆ ไปเจริญขึ้น มีการสร้างถนนหนทางที่ทันสมัย รวมทั้งการสร้างทางรถไฟและมีการขุดคลอง ทำให้การสำรวจมีความสำคัญเด่นขึ้นมากขึ้นในระยะนี

          ปัจจุบันการสำรวจได้รับการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะเครื่องมือในการสำรวจได้รับการประดิษฐ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อความรู้ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมากมายใน สมัยนี้

 

Scroll to Top